24 เมษายน 2024
ปล่อยตัวชั่วคราวอาจารย์ดัง แอบอ้างเบื้องสูง เปิดรับบริจาคทำพิธีต่อชะตา

สอท.ปล่อยตัว อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยดัง รับบริจาคทำพิธีต่อชะตา โดยไม่มีหลักประกัน หลังแจ้ง 3 ข้อหา รอให้การเพิ่มเติม -เจ้าตัวโพสต์ขอโทษ

สังคม วันนี้ (18 ธ.ค.65) พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้าการดำเนินคดี กับอดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดัง เปิดบัญชีรับบริจาคเพื่อแอบอ้างทำพิธีต่อชะตาตามความเชื่อ หลังจับกุมได้ที่บ้านพักในซอยพัฒนาการ 44 แขวงและเขตสวนหลวง กรุงเทพฯ เมื่อวานที่ผ่านมา ว่า การจับกุมอดีตอาจารย์ รายดังกล่าว ไม่มีหมายจับ เชิญตัวมาสอบสวน และแจ้งข้อกล่าวหา ฉ้อโกงประชาชน ,นำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ม.14(1) และความผิดตาม พ.ร.บ.เรี่ยไร รวม 3 ข้อหา ในเบื้องต้น หลังจากสอบปากคำแล้ว อดีตอาจารย์ รายนี้ ขอให้การในชั้นศาล และจะไปจัดหาทนายความเพื่อเข้ามาพบพนักงานสอบสวน อีกครั้งตามกำหนดนัด หลังจาก สอบปากคำ แจ้งข้อกล่าวหาแล้วเสร็จ พนักงานสอบสวน ก็ได้ปล่อยตัวชั่วคราวไปโดยไม่หลักประกันไป เพราะการจับกุมครั้งนี้ไม่ได้มีหมายจับ และผู้ต้องหาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดีรอง ผบช.สอท. ยังกล่าวด้วยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้รับรายงานว่า ผู้ต้องหารายนี้ ได้ลบข้อความเปิดรับบริจาค ออกจาก เฟซบุ๊กส่วนตัวแล้ว และได้โพสต์ขอโทษต่อเหตุการณ์ที่ได้กระทำลงไป ในส่วนของเงินที่ได้รับบริจาคมา นั้น เป็นเรื่องที่บุคคลสมัครใจที่จะโอนเข้ามาให้ผู้ต้องหา ซึ่งหลังจาก ทางเจ้าหน้าที่ออกข่าวประชาสัมพันธ์ไปแล้วว่า หากใครมีความประสงค์จะขอคืน ก็ติดต่อขอคืนได้ แต่หากผู้ต้องหาไม่ยอมโอนเงินคืนกลับไป บุคคลที่บริจาคนั้น ก็สามารถมาแจ้งความดำเนินคดี ในฐานะผู้เสียหายได้เช่นกัน

ปล่อยตัวชั่วคราวอาจารย์ดัง แอบอ้างเบื้องสูง เปิดรับบริจาคทำพิธีต่อชะตา

พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร สั่งการให้ พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., ควบคุมตัว นายเอนามสมุติ ไปสอบปากคำ ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวน

สอบสวน อาชญกรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท.หลังจากพบว่า ชายคนดังกล่าว มีการเชิญชวน ข่าวสังคม ทางเฟซบุ๊กส่วนตัวและเปิดบัญชีรับบริจาค แอบอ้างว่าจะนำเงินบริจาคไปทำพิธี ตามความเชื่อของตนเองซึ่งพบว่า มีการเปิดบริจาคตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ มีรายงานว่ายอดเงินบริจาคเกือบล้านบาทแล้ว โดย พล.ต.ต. วิวัฒน์ ได้เชิญชายดังกล่าวมาสอบปากคำ พร้อมทั้งตรวจสอบข้อมูล รวมไปถึงกรณีการเปิดระดมทุนจัดทำพิธี ดังกล่าวพล.ต.ต.วิวัฒน์ กล่าวว่า ภายหลังตำรวจสืบทราบข้อมูล ได้รับคำสั่งให้ติดตามตรวจสอบและพบว่าผู้ต้องสงสัยมีบ้านพักอยู่ย่านสวนหลวง จึงเดินทางไปเชิญมาสอบปากคำ โดยเจ้าตัวเป็นอาจารย์เกษียณอายุ พร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ระบุว่าตัวเองไร้เจตนาไม่ดี เพียงเพราะมองว่าหากวิทยาศาสตร์ช่วยไม่ได้ก็ต้องใช้พิธีกรรมเข้าช่วย ซึ่งจากการสอบปากคำพบว่าเจ้าตัวมีสติเต็มร้อย และไม่พบว่าเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามกฎหมายอาญา ม.112 แต่เข้าข่ายเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามกฎหมายอาญา ม.343 และ ม.344,นำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ม.14(1) โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และความผิดตาม พ.ร.บ.เรี่ยไร มีโทษปรับ 200 บาท ซึ่งผู้ต้องหาให้การภาคเสธในข้อหาฉ้อโกงประชาชน

แนะนำข่าวสังคม อ่านเพิ่มเติมคลิ๊กเลย : คนดูเจ็บใจแทน! เมียโฟนอิน “โหนกระแส” เชิดเงินรางวัลที่ 1 ลั่น “เขาไม่ใช่ผัวดิฉัน”